HIGHLIGHT
- การเลือกใช้รูปแบบวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหว จะสามารถดึงดูดสายตาได้มากกว่าภาพนิ่งปกติจริงหรือ
- หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มรูปภาพยอดฮิตคืออะไร
- กลุ่มเป้าหมายของเราสามารถเลือกดูได้เพียงปัดข้าง
“รูปแบบโฆษณาด้านใช้ภาพเล่าเรื่องสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย เราเรียกว่า Infographic ส่วนใช้ภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย เรียกว่า Motion Graphic”
Motion Graphic (อ่านว่า โม-ชั่น-กราฟิก) โมชันกราฟิกถ้าจะให้แปลแบบตรงๆ แล้วโมชันกราฟิกเกิดมาจากการผสมคำ 2 คำคือ
โมชัน (Motion) ที่หมายถึง การเคลื่อนไหวและคำว่า กราฟิก (Graphic) หมายถึง ภาพ
ซึ่งภาพในที่นี้เป็นได้หลายอย่างไม่ใช่แค่เพียง ภาพถ่าย เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นภาพการ์ตูน รูปสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม เส้น ทุกอย่างล้วนนับเป็นภาพกราฟิกได้หมด เมื่อสองคำนี้มารวมกันเป็นคำว่า โมชันกราฟิก จะแปลแบบง่ายๆ ว่า ภาพกราฟิกแบบเคลื่อนไหวนั่นเอง แต่ยังไงก็แล้ว ทั้ง 2 คำก็จัดอยู่ในหมวด กราฟิกดีไซน์ เป็นงานประเภทศิลปะร่วมสมัยส่วนใหญ่จัดอยู่กลุ่มคนทำหนังสือ คนออกแบบภาพโฆษณา งานออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้าขึ้นอยู่กับว่าเราชอบสายงานไหนมากกว่าครับ มีเฉพาะเจาะจงลงไปอีก
โดยโมชันกราฟิก จะเป็นการนำกราฟิกต่างๆ มาขยับและเคลื่อนไหวให้เกิดความน่าสนใจซึ่งจะช่วยสร้างความสนุกสนานให้กับงานกราฟิก ที่เป็นภาพนิ่งและบอกเล่าเรื่องราวข้อมูลได้ดี มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้การสื่อสารเรื่องราวต่างๆ นั้นมีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันก็มีสื่ออื่นๆ มากมายที่นำเอาโมชันกราฟิกไปใช้ประกอบอย่างเช่น งานโฆษณา รายการโทรทัศน์ หรือ Music Video เป็นต้น
ส่วนคำว่า อินโฟกราฟิก ที่ช่วงหลังได้ยินหนาหูกันมากขึ้น ซึ่งคำว่า อินโฟกราฟิก จริงๆ แล้วคือการนำข้อมูล (Info) มาสรุปย่อยให้เข้าใจง่าย และแปลงให้เป็นภาพกราฟิกต่างๆ (Graphic) ให้น่าสนใจน่าอ่านและเข้าใจได้ง่ายกว่าข้อมูลธรรมดาๆ ทั่วไป และเมื่อนำมาขยับเราก็จะได้งานโมชันอินโฟกราฟิกที่บอกเล่าข้อมูลและเคลื่อนไหวได้
แล้วสามารถสร้างรูปแบบ โฆษณา ในสื่อ Social Media ที่ต่างจากเดิมเราลอง มาดูกันว่ารูปแบบที่ทำให้ทำ Motion Graphic เหนือกว่า Graphic ธรรมดา มีอะไรบ้าง
1.โฆษณาในรูปแบบวิดีโอ (Video Ad)
การเลือกใช้รูปแบบวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหว จะสามารถดึงดูดสายตาได้มากกว่าภาพนิ่งปกติ ที่เลื่อนผ่านได้ภายใน 2 – 3 วินาที ถ้าหากจะต้องทำการโฆษณาผ่าน Instagram และ Facebook เพราะ สั้น กระชับ แต่ยังดึงดูดใจ ในยุคที่ความสนใจของผู้คนลดลงเหลือประมาณแปดวินาที เนื้อหาที่สั้นกว่ามักจะชนะเสมอ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม ที่มีพฤติกรรมชอบเลื่อนดูฟีดอย่างรวดเร็วเอาไว้ได้
2.โฆษณาผ่านคอลเลกชั่น (Collection Ads)
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มรูปภาพยอดฮิต เป็นเพราะลักษณะ UI ที่เหมาะแก่การดูรูป ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ง่ายๆ เพียงนิ้วเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนฟีด เลื่อนภาพไปด้านข้าง หรือแม้แต่การกดถูกใจ ที่เพียงแตะหน้าจอสองครั้ง ก็แสดงความชื่นชอบได้ทันทีด้วยฟังก์ชันการดูรูปภาพที่หลากหลาย การทำภาพสไลด์ เลยกลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการโฆษณาผ่าน Instagram อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งเราสามารถใส่ภาพได้มากถึง 10 รูป/วิดีโอ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของเราสามารถเลือกดูได้เพียงปัดข้าง ในการเลือกใช้รูปแบบนี้ เราสามารถสร้างเป็นแคมเปญโฆษณา เพื่อใช้โปรโมตผลิตภัณฑ์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ที่เราต้องการไฮไลต์ให้คนเห็นแบบเป็นชุดๆ ได้
3.โฆษณาผ่าน (Stories Ads)
Stories เป็นฟังก์ชันที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถ Engage กับเหล่าผู้ติดตามได้อย่างเป็นมิตรและเป็นธรรมชาติ ด้วยตำแหน่งที่สะดุดตาของ Stories ใหม่ๆ ทำให้ผู้ใช้ทั้งหลาย อดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดู ทำให้โฆษณาของเรามีโอกาสได้รับความสนใจสูงมากใน Instagram และ Facebook จะให้เห็นโฆษณาของเรามากแค่ไหนในแต่ล่ะวัน ซึ่งเราจะทำแบบจริงจังให้โดดเด่น สะดุดตาไปเลยผ่าน Motion Graphic ไปเลยก็ได้เป็นต้น
ต่างบทบาทก็จะหน้าที่แตกต่างกัน
ข้อดีของการทำโมชันกราฟิกที่ทำให้เหนือกว่าการทำ Graphic ธรรมดาเพราะทำให้เข้าถึงความรู้สึกผู้บริโภคได้มากกว่าภาพนิ่งธรรมดา เล่าเรื่องได้ชัดเจนกว่าภาพนิ่ง ทำให้คอนเทนต์ไม่น่าเบื่อสื่อสารได้ครบถ้วนในเวลาแสนสั้นและยังสามารถนำมาปรับใช้เข้าถึง Social Media ได้หลายรูปแบบอีกด้วยคุ้มสุดๆ
