3 เทคนิคเคล็ด(ไม่)ลับ ออกแบบโลโก้สินค้าอย่างไร … ให้สินค้ายอดขายปัง !

Hilight

  • โลโก้ คือ โลโก้ แต่ โลโก้ ไม่เหมือนกัน
  • โลโก้ใครก็ออกแบบได้ แต่จะออกแบบอย่างไรให้มีคุณค่ากับผลิตภันฑ์
  • การออกแบบโลโก้ที่เหล่าฟรีแลนซ์ ไม่รู้ … ไม่ได้

  • ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในยุคนี้สมัยนี้เป็นยุคที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอย่างแท้จริง หากลองสังเกตดูจะพบว่า สินค้าาต่างๆ มากมายในท้องตลาดไม่ว่าจะออฟไลน์ หรือ ออนไลน์ก็ตามแต่ ล้วนแต่มีสินค้าที่มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ซึ่งข้อดีก็คือ ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่มากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้า แต่สำหรับผู้ประกอบการแล้วนั้น สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเหมือนกับกำแพงสูงใหญ่ ที่ขว้างกั้นคำว่า “กำไร” ที่ทุก ๆ ธุรกิจต้องการเป็นอย่างมาก
  • แต่ในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องอยู่กันมันให้ได้ โดยสิ่งแรกที่ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจจะต้องตระหนักและตีโจทย์ให้แตกก็คือ กลยุทธ์ในการขายสินค้า ซึ่งโจทย์หนักที่ว่านี้ก็คือ “การขายสินค้าที่เหมือนอย่างให้ไร ให้ดูแตกต่าง” … ซึ่งในวันนี้เราจะพาไปกับดูกับอีกหนึ่งเคล็ด(ไม่)ลับ ของการแก้ไขปัญหาที่ว่ามานี้นั้น นั่นก็คือการทำ “โลโก้”
  • หากเปรียบ “โลโก้” สินค้าเป็นเหมือนกับร้านค้าร้านหนึ่ง ก็คงจะเปรียบได้เหมือนกับหน้าร้าน ที่จะเป็นตัวบ่งบอกและตัดสินใจในขั้นแรกว่า ลูกค้าจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านไหม กล่าวคือ ลองคิดดูง่าย ๆ หากเวลาที่ต้องการซื้อสินค้าสักหนึ่งอย่าง แล้วเราอยู่ท่ามกลางร้านค้ามากมายที่ขายสินค้าที่เราต้องการเหมือนกัน ๆ คำตอบของร้านที่เราจะเลือกเดินเข้าไป คงหนีไม่พ้นกับร้านที่ “ดึงดูดความสนใจ” ของเราได้มากที่สุดใช่ไหมล่ะ ดังนั้นในวันนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้กับหลักการการออกแบบโลโก้สินค้าที่สามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าให้ได้มากที่สุด ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบโลโก้ หรือผู้ประกอบการธุรกิจ แต่หากคุณคือคนหนึ่งที่อยากทำให้ธุรกิจการขายสินค้ามียอดขายที่ปัง ก็ห้ามพลาดกับบทความนี้ไปโดยเด็ดขาด !

1. คิดให้นอกกรอบ แต่ไม่ออกนอกเกณฑ์

เทคนิคแรกที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้นั้น ถือว่าเป็นหัวใจหลักสำหรับการออกแบบโลโก้สินค้าเป็นอย่างมาก เพราะอย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่า เราจะต้องขายสินค้าที่เหมือนให้แตกต่าง ซึ่งความแตกต่างที่ว่านั้นต้องมาจากการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ เพื่อใช้เป็นไอเดียในการออกแบบโลโก้สินค้านั่นเอง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการคิดนอกกรอบที่ว่านี้ ก็ต้องไม่ออกนอกเกณฑ์จนเกินไป ซึ่งเกณฑ์ที่ว่านี้นั้น ก็คือ มาได้จากหลายกรณีมาก ไม่ว่าจะเป็นหลักการ กฏเกณฑ์การออกแบบ ความเข้ากันได้กับสินค้า หรือแม้แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่าง “บรีพ” จากลูกค้า ที่จะต้องสร้างสรรค์โลโก้ไปพร้อม ๆ กับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าโลโก้ที่ได้ จะออกมาดีสักแค่ไหน แต่หากไม่ตอบโจทย์สินค้า หรือ ถูกใจคนจ้าง ก็ยังถือว่าเป็นโลโก้ที่ยังทำหน้าที่ของมันได้ไม่ดีเช่นเดียวกัน


2. เทคนิคการใช้ “Synonym” หรือ “คำไวพจน์” มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบโลโก้สินค้า

“Synonym” หรือ “คำไวพจน์” สำหรับทางภาษาแล้วนั้น ความหมายของมันก็คือ “คำเหมือน” หรือ “คำพ้องความหมาย” กล่าวคือ การที่เราจะสื่อสารถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องใช้คำเฉพาะที่ถูกใช้ประจำกับสิ่งนั้นก็ได้ หากแต่สามารถเปลี่ยนมาใช้ คำพ้องความหมายแทนได้ ซึ่งเราสามารถนำเอาเทคนิคนี้มาประยุกต์ในสำหรับการออกแบบโลโก้ของเราได้เช่นกัน เพื่อใช้ในการสื่อสารผ่านโลโก้ สำหรับบอกเล่าเป็น Storytelling ที่สื่อถึงธุรกิจได้

เช่น เราจะออกแบบโลโก้ของสินค้าที่เป็น “น้ำผลไม้” จากเดิมที่เราจะออกแบบเป็นรูปของขวดน้ำที่ข้างในเต็มไปด้วยผลไม้ ก็สามารถปรับให้มีความน่าสนใจและน่าดึงดูดมายิ่งขึ้นไปเป็น สัญญาลักษณ์ที่สื่อถึงความ “สดชื่น” จากการดื่มน้ำผลไม้แทนก็ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วความหมายก็จะยังคงสื่อไปถึงน้ำผลไม้ได้อยู่ดี โดยที่แทบไม่ต้องใช้สัญญาลักษณ์แบบตรงๆ ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่สำคัญที่จะทำให้เกิดความแตกต่างบนโลโก้สินค้า ดังนั้นอีกหนึ่งทักษะที่คุณควรฝึกฝนเป็นอย่างมากก็คือการตีความของความหมายให้ออกมาเป็นรูปภาพหรือสัญญาลักษณ์


3. จับคู่สีให้เป็น ใช้คุณสมบัติของสีโทนต่างๆ ให้ถูก

ประเด็นสุดท้ายนี้ เป็นหนึ่งในสิ่งง่ายๆ ที่ทำให้นักออกแบบโลโก้หลายต่อหลายคน ต้องตกม้าตายมานักต่อนักแล้ว อย่างการจับคู่สีมาใช้ในการออกแบบโลโก้ ซึ่งแม้ว่าในหลายต่อหลายครั้ง ที่เราได้รับบรีพมานั้น จะมีการกำหนดโทนสีที่ต้องการประกอบอยู่แล้ว แต่ก็รู้ใช่ไหมว่า “สี” ที่ว่ามานั้น หากไม่กำหนดโค้ดสีแบบตรงๆ มาให้ เฉดหรือโทนของสี ก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ให้เลือกใช้จนมึนงงและตาลายไปข้างหนึ่งเลยก็ว่าได้

ซึ่งเทคนิคการจับคู่ในการทำโลโก้เพื่อให้ดูโดดเด่น แต่ไม่ดูแปลกตาจนเกินไป สามารถใช้หลักการของ

  • คู่สีใกล้เคียง
  • คู่สีตรงข้าม
  • คู่สีในโทนเดียวกัน (โทนร้อน – เย็น)

หรืออีกหนึ่งสิ่งที่ง่ายไปกว่านั้น คือให้ลองไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎีีการใช้สีและความหมายของสีเป็นขั้นแรกจะเป็นการณ์ที่ดีกว่า เพราะรู้ใช่ไหมว่า สี ทุกสีมีความหมายและส่งผลต่อมุมมองและความรู้สึกเวลาที่มองเข้าไปในโลโก้สินค้า เลือกคู่ชีวิตผิดว่าคิดหนักแล้ว เลือกใช้สีในโลโก้ผิดคิดหนักยิ่งกว่า ดีไม่ดี อาจจะได้โล๊ะทิ้ง ทำใหม่ทั้งหมดเลยก็ได้


สุดท้ายนี้ จงจำไว้เสมอว่า “คนหน้าตาดีแล้วมีคนอยากเดินเข้ามาหามากเท่าไหร่ โลโก้ที่ดีก็ย่อมทำให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามามากขึ้นเช่นกัน”  ดังนั้นหากคุณอยากจะทำให้ธุรกิจของคุณมีลูกค้าที่เยอะ และนำไปสู่ยอดขายที่ปัง ก็อย่าพลาดกับการนำเทคนิคเคล็ด(ไม่)ลับ ของการออกแบบโลโก้สินค้าเอาไปปรับใช้ด้วยล่ะ เพราะการออกแบบโลโก้ “ความสวยงาม” เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์ธุรกิจ ได้มากไปกว่า “ความน่าดึงดูดใจ”

Share:

ติดตามเพื่อไม่พลาดทุกข่าวสาร และเรื่องราวดีๆ
สนใจบริการจัดทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร

เบอร์โทรศัพท์ : 065-021-9888
E-mail : freelance108.mkt@gmail.com