Highlight
- จะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแก้อาการเล็บเหลือง
- การพักเล็บนั้นสำคัญไฉน
- ให้กลับมาใสปิ๊ง สุขภาพดีอีกครั้ง
ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็คงมีปัญหาสุขภาพกันอยู่ไม่กี่อย่าง หนึ่งในนั้นคือปัญหา ‘เล็บเหลือง’ ซึ่งที่จริงแล้วสุขภาพเล็บบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง โดยเฉพาะสาว ๆ ฟรีแลนซ์ที่ใช้มือในการทำงาน ทั้งจับเมาส์บ่อย จับคีย์บอร์ดก็บ่อย หากเล็บเหลืองคงไม่ดีแน่ มาดูกันเถอะว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแก้อาการเล็บเหลืองให้กลับมาใสปิ๊ง สุขภาพดี สาว ๆ ฟรีแลนซ์เวลาน้อยก็สามารถทำได้!
1. น้ำอุ่นและมะนาว
นำมะนาวที่มีมาหั่นเป็นแว่น ๆ ละนำมาขัดที่หน้าเล็บ 1-2 นาทีเบา ๆ หลังจากนั้นจึงนำมะนาวไปแช่ไว้ในน้ำอุ่น และนำมือของสาว ๆ ลงไปแช่ 5-10 นาที สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งกำลังดี กรดจากมะนาวจะช่วยกัดกร่อนคราบเหลืองให้หลุดออกไป แต่หลีกเลี่ยงสำหรับสาว ๆ ที่มือมีแผล ไม่งั้นจะแสบเอาได้
2. น้ำมะนาวกับเบคกิ้งโซดา
คั้นน้ำมะนาวผสมกับเบคกิ้งโซดาหรือเกลือขัดผิวก็ได้ให้เนื้อเนียนเหมือนสครับ และนำมาขัดที่หน้าเล็บสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และต่อด้วยแช่น้ำอุ่น 1-2 นาที เท่านี้เล็บก็จะดูสดใสขึ้นมา อย่าลืมหลีกเลี่ยงสำหรับใครที่มือเป็นแผลหรือเล็บฉีก
3. ยาสีฟัน
ฟันยังหายเหลืองได้ หน้าเล็บของเราก็เช่นกัน เลือกเป็นยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่งทาที่หน้าเล็บบาง ๆ และนำแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาขัดที่หน้าเล็บเบา ๆ ทุกวัน แค่นี้หน้าเล็บก็จะดีขึ้น วิธีนี้เห็นผลเร็วด้วยนะสาว ๆ ฟรีแลนซ์เวลาน้อยต้องชอบแน่ ๆ
4. Nails Care
หน้าเล็บก็เหมือนกับผิวเรานี่แหละ ต้องมีการบำรุงกันบ้าง ครีมทามือสูตรเพิ่มความชุ่มชื้น และสูตรไวท์เทนนิ่งต้องมา อาจจะเสริมด้วยเซรั่มสำหรับบำรุงหน้าเล็บและขอบเล็บที่แห้งสักหน่อย บำรุงเป็นประจำทุกวัน รับรองว่าเล็บจะกลับมาสุขภาพดีจนลืมว่าเคยเล็บเหลืองเลยล่ะ
5. Base Coat
ก่อนทาสีเล็บทุกครั้งแนะนำให้ลง Base Coat เป็นอันดับแรก เพราะนั่นจะช่วยปกป้องหน้าเล็บของคุณจากสารเคมีในยาทาเล็บ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ทำเล็บเจล หน้าเล็บจะถูกตะไบออกไปมาก ทำให้หน้าเล็บบางได้ Base Coat จะช่วยไม่ให้เล็บเหลือง
6. พักเล็บทุก 3 เดือน
ผู้หญิงกับการทำเล็บเป็นของคู่กัน แต่สาว ๆ จ๋า เราต้องมีช่วงเวลาพักเล็บด้วยนะ แนะนำว่าทุก ๆ 3 เดือน พักเล็บเป็นเวลา 1 เดือน ด้วยการงดทำเคมี ไม่ว่าจะทาสีเล็บหรือต่อเล็บก็ตาม เพื่อเป็นการดีท็อกซ์สารเคมีที่หน้าเล็บ ให้เราของเราได้ฟื้นฟูตัวใหม่ ครั้งต่อไปเล็บก็จะไม่เหลืองเท่าเดิมแล้วล่ะ