รีวิวหนังสือ คนเล็กเวทียักษ์
หนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ เล่มนี้ถูกเขียนโดยคุณ พิทักษ์ ซึ่งทำงานเป็น Ceo ของบริษัท PTG ใครที่งงว่าไอ้ PTG นี่คืออะไร มันคือปั๊มน้ำมันที่มีโลโก้เป็นตัวหนังสือ PT และมีตัว G ล้อมตัวอยู่นั่นเอง
รวมๆ แล้วหนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่บอกถึงแนวคิด และวิธีการทำงานของแก ซึ่งบางคนอาจถามว่าแล้วเรื่องราวของชายคนนี้น่าสนใจยังไง ก็แค่นักธุรกิจแนวหน้าธรรมดาๆ คนหนึ่ง อาจเรียนจบนอกมีเงินลงทุนเยอะๆ
เปิดปั๊มน้ำมัน จ้างคนมาทำการตลาด แล้วก็ประสบความสำเร็จจากการใช้ที่ตัวเองมีในการก่อร่างสร้างตัวก็ได้นี่ อันนี้หลังจากที่อ่านจบแล้ว ผมจะบอกได้เลยว่าผมเข้าใจเค้าผิดไปทั้งหมด
เอาจริงๆ แล้วคุณพิทักษ์แกไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับวงการน้ำมันมาก่อนเลย ตัวแกเรียนจบประมงมาด้วยซ้ำ อาชีพก่อนหน้านี้ของแกก็คือทำฟาร์มกุ้ง ที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นและน่าสนใจ
จนกระทั่งพี่ชายของแกชวนเข้าไปช่วยทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน โดยเน้นในเรื่องของการขยายสาขาให้ประสบความสำเร็จได้ไวมากที่สุด
ในตอนนั้นคุณพิทักษ์เลือกวิธีการอย่างเช่น “ป่าล้อมเมือง” ในการทำธุรกิจเป็นหลัก ปัจจุบันเราจึงมองเห็นปั๊ม PTG อยู่เต็มทั่วไปแล้ว อาจมากกว่าปั๊มอย่าง PTT หรือปั๊มปตท. ที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
ผมเองก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป รับอาชีพทำงานอิสระค่าเงินใช้จ่ายไปแบบวันๆ หรืออาชีพที่ทุกคนเรียกว่าฟรีแลนซ์เนี่ยแหละครับ แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปิดปั๊มน้ำมันเลยสักนิด
แต่เห็นหน้าปกสวยแถมราคาก็ยังถูกไม่ได้แพงมาก 50 บาทเอง
เมื่อเทียบกับหนังสือเล่มอื่นๆ ที่ผมมีในปัจจุบันนั้นแล้ว
บอกได้เลยว่าถูกกว่าแบบมากๆ
ก็เลยอดไม่ได้ที่จะหยิบมาอ่านกันสักหน่อย โดยได้รับฟังแนวคิดดีๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตตัวเองได้อย่างมากมายเลย
และทั้งหมดนี้ก็จะเป็นข้อคิดที่ผมหยิบยกออกมาจากหนังสือเล่มน้อย แต่คุณภาพไม่น้อยตามราคานั่นเอง
1. หนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ ที่เน้น อ่านให้เยอะกว่าดู
ในหนังสือคุณพิทักษ์บอกกับเราว่า แกมีนิสัยรักการอ่านมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยหนังสือเล่มแรกที่แกอ่านมีชื่อว่า วิถีชนะมิตรและจูงใจคน
ฉิบหายอ่านหนังสือแบบนี้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เลยหรอเนี่ย
แกบอกว่าตอนนั้นแกเป็นหัวหน้าห้องครับ โดยแกอยากจะเอาทักษะที่แกอยากได้จากหนังสือเล่มนี้ไปใช้กับกับตำแหน่งหัวหน้าห้องของแก แต่นอกเหนือจากนี้แกก็ยังอ่านหนังสือในหัวข้ออื่นๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นจิตวิทยา การเงิน และอ่านสามก๊กอีกด้วย
ใครอ่านสามก๊กจบได้นี่สุดยอดมาก ตัวผมเคยทดลองมาแล้วแค่หน้าแรกก็ไม่อยากอ่านละ อาจเพราะสำนวนการแปลภาษาและขนาดหนังสือที่ใหญ่มาก จนน่าจะเอาไปฉาบเป็นผนังบ้านได้เลย ทำให้ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงมาตลอด
จนถึงปัจจุบันนี้ตัวแกเองก็ยังอ่านหนังสืออยู่ครับ โดยจะบังคับพยายามให้ตัวเองอ่านให้ได้มากๆ โดยสาเหตุที่แกบอกว่าต้องอ่านหนังสือเยอะขนาดนี้
เพราะว่าอยากเตือนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา ยิ่งคนที่มีตำแหน่งสูงมากอย่าง CEO หลายครั้งที่จะมีอคติเลือกแต่ฟังในสิ่งที่ตัวเองฟัง โดยไม่สนใจในสิ่งที่คนอื่นรอบข้างกำลังบอก
แกยังเสริมอีกด้วยว่า หนังสือเล่มเดิมแต่ที่เคยอ่านในปีที่แล้วกับอ่านในปีนี้ จะทำให้ตัวเองได้แนวคิดที่ต่างกันออกไปอีกด้วย
อันนี้ส่วนตัวผมก็เป็นนะ ไม่ใช่เพียงแค่หนังสือด้วยกับสื่ออื่นๆ ผมก็เป็นอีกเช่นกัน
หนังสือนั้นเต็มไปด้วยความรู้มากมายและมหาศาล ถ้าเกิดเราลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นเริ่มต้นอ่านหนังสือวันละ 30 นาที แทนที่จะเสียเวลากับการเล่นเกม
แม้จะเพียงแค่เล็กน้อย แต่ก็สร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว
เพราะผมก็จะมีไอเดียหรือชุดความคิดออกไป ทำงานหรือเขียนอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมายนะเอง
2. ยอมรับว่าตัวเองยังดีไม่พอ แล้วทำการฝึกฝนตัวเองเพิ่มเติม
ในส่วนนี้คุณพิทักษ์ได้เล่าในเหตุการณ์ของตัวเองว่า เคยได้ขึ้นไปพูดบนเวทีหนึ่ง แล้วคนฟังคือเงียบมาก หลายๆ คนอาจคิดว่าคงกำลังตั้งใจฟัง แต่เปล่าเลยคนส่วนมากหลับต่างหาก
อ่าว.. พวกเอ็งไม่มีมารยาทเอาซะเลย
แต่ถึงแบบนั้นคุณพิทักษ์เขาก็ไม่ได้โทษว่า คนอื่นไม่ตั้งใจฟังหรือไม่มีมารยาทในตอนที่เขาพูด เขามองว่าตัวเขาเองต่างหากที่ขาดทักษะในเรื่องของการพูด จึงทำให้คนฟังหลับแทนที่จะฟังเรื่องที่เขาพูด
ตานี่ก็คนดีแท้…
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมประสบความสำเร็จ
โดยนอกเหนือจากวาทศิลป์ที่จะต้องโดดเด่นแล้วนั้น ก็ยังจะต้องแม่นในเรื่องของข้อมูลที่เตรียมมานำเสนออีกด้วยนั่นเอง
ปัญหาในเรื่องของการที่ตัวคิดว่าข้าเนี่ยแน่ที่สุดแล้ว หรือรู้ว่าตัวเก่งแล้วนั้น จะเป็นตัวปัญหาที่ทำให้แต่ละคนนั้นหยุดการพัฒนาตัวเองลงไปแบบไม่รู้ตัว โดยถึงแม้ว่าเราจะยังทำมันอยู่ทุกวันก็ตาม
แต่กว่าที่ผมจะรู้ว่าตัวเองมีปัญหาในเรื่องของการหลงตัวเองนี้แล้วนั้น ก็หลังจากที่ลูกค้าเปลี่ยนใจเลือกที่จะจ้างฟรีแลนซ์คนอื่นมาทำงานแทนผมแล้วนี่สิครับ
เฮ้อ.. นี่กลายเป็นบทเรียนสำคัญของผมไปเลย ว่าเราจะต้องพยายามพัฒนาตัวเองไปข้างหน้าให้ได้ตลอดเวลา
3. ค้นหา Partner ที่สามารถวางใจให้ดูด้านหลังของเราได้
ในตอนที่ทำงานอยู่นั้นคุณพิทักษ์เล่าว่า เขาสามารถทำงานได้ดีขนาดนี้เพราะว่ามีลูกน้องที่สามารถไว้ใจได้ อีกทั้งตัวเขายังไม่เคยทำตัวแบบเจ้านายกับลูกน้อง แต่ลูกที่จะปฏิบัติกันราวกับเป็นครอบครัวมากเสียกว่า
กลับกันถ้าเกิดเราสามารถมองหาคู่หูและพาร์ทเนอร์ที่ดีในการทำงานได้นั้น ไม่ว่าจะในสถานะใดๆ เช่น นายจ้าง ลูกจ้าง เพื่อนร่วมงาน จะทำให้ช่วยส่งเสริมกันในเรื่องของการทำงานให้ได้ดีมากขึ้นไปนั่นเอง
และในเวลาที่คุณเดือดร้อน เขาเหล่านี้ก็จะเป็นคนที่อาสาเข้ามาช่วยคุณนะเอง
4. หนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยให้ คิดแบบ Underdog
มีหลายครั้งที่ไอเดียและแนวคิดของเขาถูกมองว่าเป็นเรื่องโง่ ทำไปก็มีแต่จะขาดทุนเพียงเท่านั้น คือวิธีการของเขาค่อนข้างจะสวนทางกับที่ในหนังสือบอก แต่ผลลัพธ์ยังออกมาดีอยู่เหมือนเดิม
อันนี้พี่แกบอกว่า แกชกมวยไทยไม่เป็นหรอก แต่ถ้ามวยวัดก็พอไหว ไม่จำเป็นต้องทำตามตำราตลอดไปก็ได้
ในตลอดชีวิตของการทำงานฟรีแลนซ์ของผมแล้วนั้น มีบางครั้งที่ต้องพึ่งพิงทักษะที่ไม่ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือเรียน และทักษะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานที่ตัวเองกำลังทำ
แต่เป็นเรื่องของการประยุกต์ใช้ในการทำงาน ซึ่งถึงแม้ว่ากระบวนการนั้นจะดูแปลกๆ และทำให้หลายคนนั้นมึนๆ แต่ก็ได้ผลดีนั่นเอง
ในตอนที่ผมเคยรับจ๊อบไปขายของเล่น Lego ที่เป็นหุ่นยนต์ประกอบแบบลงแอปพลิเคชันแล้วขยับได้ นักขายคนอื่นๆ เลือกที่จะเก็บของพวกนั้นไว้ในกล่องอย่างดี เพื่อแสดงถึงความหรูหราของมัน คือมันราคาแพงมากเลยนะครับหมื่นกว่าบาท
ผมเป็นคนเดียวที่ประกอบหุ่นพวกนั้น แล้วบังคับมันให้เขาไปเล่นกับเด็กๆ ที่เดินอยู่กับพ่อแม่ ซึ่งนั้นทำให้สินค้าของผมได้รับความสนใจและสร้างยอดขายได้จำนวนมากนะเอง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะความขี้เล่นของผมเท่านั้น
5. หนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ ในการ ทำตามความฝันของเรา
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอย่างฟรีแลนซ์แบบเราๆ แล้วนั้น แน่นอนว่าสาเหตุที่เลือกเดินทางนี้ เพราะว่าอยากทำตามความฝันของตัวเอง มากกว่าจะเลือกการสร้างเงินให้ได้จำนวนมากๆ
ซึ่งผลลัพธ์ของการตัดสินใจนี้ ทำให้เราเจอเหตุการณ์โหดมันฮาอยู่ขึ้นมากมายหลายครั้ง
ยกตัวอย่างเช่นไม่มีงานเลย 3 เดือน ซึ่งนั้นทำให้ผมรู้เลยว่าสามารถทนกินมาม่าได้ทั้งหมดกี่วัน
แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีความสุขที่ค่อยๆ ได้เดินหน้าเข้าหาความฝันของเราทีละนิดๆ แม้เส้นทางนั้นมันอาจลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรค
แต่ก็คงมีแต่คนอย่างเราๆ เท่านั้น ที่ยังเต็มใจจะเดินเข้าไปในเส้นทางเหล่านี้นะเอง